อัมสเตอร์ดัม มาจากคำว่า อัมสเตล (Amstel) ซึ่งเป็นชื่อแม่น้ำ ส่วนคำว่า ดัม (Dam) แปลว่าเขื่อน อัมสเตอร์ดัมจึงหมายถึงหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณเขื่อนแม่น้ำอัมเสตล ประวัติของเมืองอัมสเตอร์ดัมเริ่มขึ้นจากชาวประมงซึ่งอาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำอัมสเตลได้ประสบปัญหาน้ำท่วมต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน พวกเขาจึงสร้างเสารั้วเป็นแนวกำแพงเขื่อนกั้นน้ำบริเวณปากแม่น้ำอัมสเตลขึ้นมา เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ต่อมาได้มีการขุดลอกแม่น้ำอัมสเตล สร้างประตูกั้นน้ำ เปลี่ยนแปลงทางเดินน้ำ กลายเป็นคลองน้ำ คูน้ำที่เรียงตัวเป็นระบบ ระเบียบ และส่วนที่น้ำแห้งไปก็มีการปรับปรุงดินกลายเป็นที่อยู่อาศัยให้กับผู้คนที่เพิ่มจำนวนขึ้นตามการเติบโตของเมือง ซึ่งชื่อเมืองอัมสเตอร์ดัมนั้น ได้ปรากฏขึ้นในหลักฐานการบันทึกทางประวัติศาสตร์ครั้งแรกใน ปี ค.ศ. 1275 เมื่อเคาต์ฟลอริสที่ 5 (Floris V, Count of Holland) ออกเอกสารอนุญาตให้ประชาชนที่อยู่อาศัยที่อัมสเตอร์ดัมมีสิทธิในการเดินเรือในน่านน้ำอัมสเตลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
|
จตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square)
|
|
ดัมสแควร์ อัมสเตอร์ดัม ในอดีต |
พื้นที่ในเมืองอัมสเตอร์ดัมตั้งแต่จตุรัสดัมสแควร์จนถึงสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัมเซนทราล (Amsterdam Centraal) ในอดีตนั้นเป็นน้ำ และดัมสแควร์ในอดีตนั้นคือส่วนของตัวเขื่อนและท่าเรือของอัมสเตอร์ดัม ซึ่งท่าเรือนี้เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์ เพราะท่าเรืออัมสเตอร์ดัมเป็นสถานที่ที่เรือสินค้านำสินค้าจากทวีปต่างๆ ทั่วโลกมาขนถ่ายและกักตุน เพื่อนำไปจำหน่ายในเนเธอร์แลนด์ และยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป รวมทั้งในทางตรงกันข้าม เรือสินค้าก็นำสินค้าจากประเทศเนเธอร์แลนด์และจากประเทศในยุโรปไปจำหน่ายยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วยค่ะ
|
จตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) มีพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม เป็นฉากหลัง |
|
นักแสดงเปิดหมวกที่จตุรัสดัมสแควร์
|
อัมสเตอร์ดัมได้มีการขยับขยายเมือง ขุดสร้างคลอง สร้างอาคารบ้านเรือน โบสถ์ อนุสาวรีย์ ล้อมรอบลานบริเวณดัม ทำให้เกิดเป็นลานจตุรัสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองขึ้นมา ซึ่งสิ่งก่อสร้างสำคัญที่ตั้งอยู่ล้อมรอบจตุรัสดัมสแควร์ได้แก่ อนุเสาวรีย์แห่งชาติ (National monument) พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม (Royal Palace of Amsterdam) และโบสถ์ใหม่
จตุรัสดัมสแควร์เป็นจุดศูนย์รวมในการจัดกิจกรรมสำคัญต่างๆ เช่น เป็นลานสำหรับจัดงานประจำปี เป็นสถานที่สำหรับการแสดงออกของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง การชมนุมประท้วง ทุกปีจะมีการจัดพิธีเพื่อรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตจากสงครามโลกที่ดัมสแควร์แห่งนี้ ที่สำคัญกษัตริย์องค์ปัจจุบันก็จัดพิธีเฉลิมฉลองการสมรส และจัดพิธีสถาปณาแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ ณ ที่แห่งนี้เช่นกัน จนกล่าวได้ว่า "ดัมสแควร์ คือ หัวใจของอัมสเตอร์ดัม" ปัจจุบันนี้จตุรัสดัมสแควร์แห่งนี้ไม่ใช่ท่าเรืออีกต่อไป แต่บทบาทของดัมสแควร์ในแง่ของการเป็นศูนย์รวมของผู้คนจากทุกมุกโลก ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเลยค่ะ เวลาเราไปเที่ยวที่นี่ทีไรก็มักจะรู้สึกเหมือนไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะจะได้ยินผู้คนพูดคุยกันหลากหลายภาษา คุณลองไปนั่งเล่นสบายๆ และมองดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา พร้อมกับสังเกตรูปร่างหน้าตาสีผมของผู้คนก็สนุกไม่เบาค่ะ
ในบล็อกนี้เราจึงขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ที่จตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) ให้คุณได้อ่านเป็นแนวทางในการวางแผนทริปอัมสเตอร์ดัมของคุณค่ะ โดยเริ่มต้นจากอนุสาวรีย์แห่งชาติ ตามด้วยพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม ต่อด้วยโบสถ์ใหม่ และปิดท้ายด้วยพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่ค่ะ
1. อนุเสาวรีย์แห่งชาติ (National monument)
อนุเสาวรีย์แห่งชาติ (National monument) อัมสเตอร์ดัม
|
ทำความสะอาดอนุสาวรีย์แห่งชาติ
|
|
ด้านหลังอนุสาวรีย์แห่งชาติ
|
|
จตุรัสดัมสแควร์ มองจากด้านหลังอนุเสาวรีย์แห่งชาติ |
แลนด์มาร์คสำคัญของจตุรัสดัมสแควร์ คือ อนุเสาวรีย์แห่งชาติ ผู้คนส่วนมากจะใช้ที่นี่เป็นจุดนัดพบค่ะ เพราะหาได้ง่าย และอยู่ใจกลางเมือง เราเองก็ใช้เสาอนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นจุดนัดพบบ่อยๆ ค่ะ ครั้งนึงเราเคยนัดเพื่อนคนไทยที่มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมไว้ และปรากฏว่าฝนตกหนักมาก ครั้นจะไปรอในร้านชากาแฟก็กลัวเพื่อนหาไม่เจอ เพราะเพื่อนยังไม่เคยมาอัมสเตอร์ดัม ก็เลยยืนรอตรงใต้รูปปั้นของอนุสาวรีย์เป็นที่กำบังฝน ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวอีกหลายคนที่ทำแบบเดียวกัน สงสัยว่าจะเป็นกรณีเดียวกัน คือ "นัดเจอกันตรงอนุสาวรีย์ที่ดัม"
เมื่อคุณมาถึงจตุรัสดัมสแควร์แล้ว และคุณอยากจะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์แห่งชาติ คุณก็คงอยากจะรู้ว่าเสาสีขาวนี้มันสื่อถึงอะไร ทำไมจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการรำลึกถึงสงครามโลก เราก็เลยไปค้นข้อมูลมาฝากค่ะ เพราะเราเองก็อยากรู้เหมือนกัน
อนุเสาวรีย์แห่งชาติ (National monument) ประกอบด้วยเสาสูง 22 เมตรซึ่งทำจากหินธรรมชาติสีขาววางบนแท่นสี่เหลี่ยม ด้านหน้าของเสาเป็นรูปปั้นของชายสี่คนถูกล่ามกุญแจมือและบางคนถูกล่ามโซ่ตรวนที่เท้า แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ยากของสงคราม ด้านซ้ายและขวาเป็นรูปปั้นผู้ชาย และรูปปั้นสุนัขทำท่าทางเหมือนเห่าหอน ผู้ชายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้และต่อต้านสงคราม (ของปัญญาชนและผู้ใข้แรงงาน) ในขณะที่สุนัขแสดงถึง "ความฉลาด" และ "ความภักดี" เหนือชายสี่คนเป็นรูปปั้นผู้หญิงขนาดใหญ่สวมพวงมาลา และมีเด็กอยู่บนแขน ถูกล้อมรอบด้วยเหล่านกพิราบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ สันติภาพและชีวิตใหม่ ส่วนนกพิราบด้านหลังเสาที่โบยบินแสดงถึงการปลดปล่อยและเสรีภาพ ก่อนที่คุณจะถ่ายรูปคู่กับอนุสาวรีย์แห่งนี้ก็อย่าลืมสังเกตดูรายละเอียดที่เราเขียนเล่านะคะ
ทุกวันที่ 4 พฤษภาคม กษัตริย์และพระราชินี จะมาวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์แห่งนี้ เพื่อรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่สอง และ ณ เวลา 20.00 น. ทุกคนทั่วประเทศจะหยุดนิ่งเงียบสงบเป็นเวลา 1 นาทีพร้อมกับกษัตริย์ พระราชินี และผู้คนที่อยู่ที่จตุรัสดัมสแควร์ คุณสามีจะให้ความสำคัญกับพิธีนี้มากค่ะ ครอบครัวเราก็จะร่วมหยุดนิ่งเงียบสงบเกือบทุกครั้งค่ะ เพราะคุณพ่อของคุณอัลเบิร์ตก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกทหารนาซีจับตัวไป และเขาเองก็ได้รับการบอกเล่าถึงความทุกข์ยากลำบากในช่วงสงครามโลกมาตั้งแต่เด็ก ๆ
2. พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม (Royal Palace of Amsterdam)
|
ด้านหน้าของพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม คุณจะเห็นระเบียงซึ่งกษัตริย์ ราชินีจะมาปรากฏกาย และทักทายผู้คนที่มาให้การต้อนรับ
|
|
ถนนระหว่างพระราชวังหลวง และโบสถ์ใหม่
|
|
อีกด้านหนึ่งของพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม |
พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม เป็นพระราชวังรับรองอย่างเป็นทางการของกษัตริย์ Willem-Alexander เช่น ใช้สำหรับเป็นที่ต้อนรับ และรับรองผู้นำระดับโลกและประมุขแห่งรัฐต่างๆ ที่มาเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ และยังมีการใช้พระราชวังแห่งนี้ในโอกาสอื่น ๆ ของราชวงศ์ด้วย เช่น งานเลี้ยงปีใหม่ งานกาล่าดินเนอร์ และพิธีมอบรางวัลต่างๆ นอกจากนี้ พระราชวังยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ด้วยค่ะ แต่ต้องเสียค่าบัตรผ่าน และค่าธรรมเนียมการเยี่ยมชมนะคะ
พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัมเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในยุคทอง สถาปนิกออกแบบอาคารเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจและความมั่งคั่งของอัมสเตอร์ดัม เดิมสร้างขึ้นไม่ใช่เพื่อเป็นพระราชวัง แต่เป็นศาลากลางของเมืองอัมสเตอร์ดัม ต่อมาในช่วงที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองประเทศเนเธอร์แลนด์โดยพระเจ้าหลุยส์โบนาปาร์ต ได้เปลี่ยนอาคารเป็นพระราชวังเป็นครั้งแรก
โดยส่วนตัวเราไม่ชอบเข้าชมอาคารสถานที่ บวกกับต้องจ่ายตังค์ด้วย ก็เลยไม่เคยเข้าไปดู แต่บางคนที่ชอบทางด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบอาคาร หรือว่าสนใจเรื่องราวของราชวงศ์ ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยค่ะ เพราะคุณสามารถเดินตามรอยเท้าแขกของราชวงศ์ผ่านห้องหับต่าง ๆ เช่น ห้องโถงอันโอ่อ่า เฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ เลิศหรูอลังการ เราเคยเข้าไปค้นข้อมูลดู พบว่า ในห้องโถง Citizen's Hall มีประติมากรรมหินอ่อน และภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียง ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของอัมสเตอร์ดัมในฐานะศูนย์กลางของจักรวาล ดูจากค่าตั๋วก็คงคุ้ม พร้อมกับมีเสียงทัวร์ (Free Audiotour) ให้บริการฟรีด้วย
ราคาตั๋ว : ผู้ใหญ่ 10 ยูโร นักเรียน (มีบัตรนักเรียนเนเธอร์แลนด์) 9 ยูโร ฟรีสำหรับอายุ 0 - 18 ปี
เวลาเปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 9.00 - 17.00 น.
ที่อยู่ : Dam, Amsterdam
3. โบสถ์ใหม่ อัมสเตอร์ดัม
|
นิทรรศการเกี่ยวกับแอฟริกาที่โบสถ์ใหม่ อัมสเตอร์ดัม
|
|
โบสถ์ใหม่ตั้งอยู่ติดกับพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม |
โบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 แต่ฟังดูแปลกๆ นะคะ ว่าโบสถ์เก่าแก่แต่ชื่อโบสถ์ใหม่ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าในเมืองอัมสเตอร์ดัมมีโบสถ์เดิมอยู่แล้วซึ่งถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ที่ดัมรัก (Damrak) และถูกเรียกว่า โบสถ์เก่าค่ะ โบสถ์ใหม่ ถือว่าเป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และตั้งอยู่ติดกับพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม จึงกล่าวได้ว่าเป็นโบสถ์หลวงคู่กับราชวงศ์ดัซต์ ทำนองเดียวกับที่กษัติรย์ไทยราชวงศ์จักรีมีวัดพระแก้วเป็นวัดหลวงประมาณนั้นค่ะ โบสถ์แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ในพระราชพิธีอย่างเป็นทางการ เช่น พิธีแต่งงาน พิธีสถาปนาแต่งตั้งประมุขแห่งรัฐ รวมทั้งพิธีสาบานตนต่อรัฐธรรมนูญของเนเธอร์แลนด์ก็ถูกจัดขึ้นที่นี่เช่นเดียวกันค่ะ ใต้พื้นอาคารของโบสถ์จะถูกใช้เป็นที่ฝังศพของบุคคลสำคัญของเนเธอร์แลนด์ เช่น กษัตริย์และราชินี วีรบุรุษนักรบ และนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ เป็นต้น
นอกจากนี้โบสถ์ใหม่แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงมานานหลายทศวรรษจากการจัดแสดงนิทรรศการระดับนานาชาติที่สำคัญ โดยเฉพาะผลงานศิลปะภาพถ่ายเกี่ยวกับผู้คนและวัฒนธรรม คุณที่สนใจด้านนี้ มีเวลามากพอ และซื้อบัตร I Amsterdam City Card ไว้แล้ว ก็แวะเข้าไปชมผลงานต่างๆ ได้ฟรีค่ะ
ราคาตั๋ว : ผู้ใหญ่เช็คราคาดูในเวบไซต์ ขึ้นอยู่กับผลงานที่จัดแสดง ฟรีสำหรับอายุ 0 - 18 ปี และ I Amsterdam City Card
เวลาเปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 10.00 - 17.00 น.
ที่อยู่ : Dam, Amsterdam
4. พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่ (Madame Tussauds) อัมสเตอร์ดัม
|
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่ (Madame Tussauds) อัมสเตอร์ดัม |
|
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่ มองจากจตุรัสดัมสแควร์ |
|
งานประจำปีที่จตุรัสดัมสแควร์ มองจากพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่ |
|
อดีตพระราชินีเบียทริกซ์ (Beatrix) แห่งเนเธอร์แลนด์ เหมือนจริงมากค่ะ
|
|
หุ่นสไปเดอร์แมนในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่ (Madame Tussauds) |
|
ลูกชาย กับ E.T. ในพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ่ (Madame Tussauds)
|
|
ใครกันเนี่ยคุ้นๆ ประธานาธิบดีทรัมป์นั่นเอง
|
|
หุ่นขี้ผึ้งประธานาธิบดีทรัมป์ในยุคโควิด-19
|
เมื่อคุณค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจตุรัสดัมแควร์ ส่วนมากคุณมักจะพบข้อมูลเกี่ยวกับอนุสาวรีย์แห่งชาติ พระราชวังหลวง และโบสถ์ใหม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีสถานที่เที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่ ซึ่งมีตึกอาคารพิพิธภัณฑ์ตั้งโดดเด่นอยู่ที่จตุรัสดัมสแควร์ คุณที่มีลูกวัยรุ่นก็ลองจัดรายการนี้ไปในทริปของคุณได้ค่ะ เพราะณัฏฐ์ลูกชายเรานี่ชอบมากเลย ถ่ายรูปและทำกิจกรรมต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์หัวเราะกันสนุกสนาน อย่าว่าแต่วัยรุ่นเลยค่ะ วัยแม่อย่างเราก็สนุกกับการชมพิพิธภัณฑ์นี้ไม่เบาเลย
เราลองอ่านประวัติของมาดามทุสโซดู พบว่าจริงๆ แล้ว มาดามทุสโซเธอชื่อ Marie Grosholz เกิดที่ประเทศฝรั่งเศส เธอมีชื่อเสียงด้านการทำหุ่นขี้ผึ้ง และได้รับเชิญให้เป็นครูสอนศิลปะให้แก่น้องสาวของกษัตริย์ลอดเดอร์ไวก์ที่ 15 (Lodewijk XVI) ต่อมาในช่วงสงครามการปฏิวัติฝรั่งเศส เธอถูกกักขังในข้อหากบฏ เมื่อถูกปล่อยตัวมาหลังสงคราม จากโชคร้ายก็กลายเป็นโชคดี เพราะเธอได้รับมรดกพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งจากครูที่สอนการทำหุ่นขี้ผึ้งให้เธอ ต่อมาเธอก็แต่งงานกับ François Tussaud นายทหารฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "มาดามทุสโซ่" และต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เธอร่วมมือกับลูกชายคนโตจัดแสดงนิทรรศการหุ่นขี้ผึ้งเคลื่อนที่ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วอังกฤษ และสุดท้ายก็มาจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ถาวรขึ้นที่กรุงลอนดอน พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ่ที่อัมสเตอร์ดัมจัดว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรสาขาแรกนอกประเทศอังกฤษ ก่อนหน้านี้พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซตั้งอยู่ที่ ถนนกาล์เฟอร์ (Kalverstraat) แต่ย้ายมาอยู่ยังอาคารปัจจุบันในปี ค.ศ. 1991
ราคาตั๋ว : เช็คราคาดูในเวบไซต์ ซื้อตั๋วออนไลน์จะถูกกว่าซื้อตั๋วหน้าเคาเตอร์ และอาจจะซื้อตั๋วราคาโปรโมชั่นถ้าใช้บริการล่องเรือ หรือรถบัสชมเมือง
เวลาเปิดให้บริการ : ทุกวัน วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดีเวลา 10.00 - 18.00 น. วันศุกร์และวันเสาร์ เวลา 10.00 - 19.00 น.
ที่อยู่ : Dam, Amsterdam
ขณะที่เรากำลังเขียนบล็อกนี้อยู่ เป็นช่วงที่สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในประเทศเนเธอร์แลนด์เริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้งเป็นระลอกที่สอง หลังจากที่เริ่มสงบไปมากในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม และดูเหมือนว่าอัมสเตอร์ดัมก็จะได้รับผลกระทบนี้ค่อนข้างมาก เราก็คงต้องรอจนกระทั่งสถานการณ์อันเลวร้ายของโรคนี้หมดไป ก่อนจะกลับมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมอีกครั้ง เพื่อนๆ ก็ อดใจรอก่อนนะคะ
ก่อนจะปิดท้ายบล็อกนี้ก็อยากจะใช้พื้นที่ในบล็อกขอบคุณน้องมด ดร. สุนิศา แสงจันทร์ เพื่อนและน้องรักที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยยังทำงานเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ที่ช่วยเป็นบรรณาธิการ ช่วยอ่านต้นฉบับ และให้ข้อเสนอแนะพร้อมทั้งให้กำลังใจในการเขียนบล็อคนี้เรื่อยมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 และขอบคุณคุณผู้อ่านและเพื่อนๆ ที่คอยติดตามอ่านบล็อกที่เราเขียนขึ้นมา ทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานนี้ต่อไปค่ะ
ความคิดเห็น