 |
| กังหันลมที่เอ๊าท์เคสท์ (Uitgeest, Noord-Holland) |
หากพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ ใครๆคงคิดถึงกังหันลม จักรยาน และดอกทิวลิป หลายๆ คนอาจคิดถึงทุ่งหญ้าเขียวขจีและโคนม สำหรับคนที่ชอบดูฟุตบอลอาจนึกถึงทีมฟุตบอลอาแจก ซึ่งคนดัซต์เรียกว่า ทีมอาหยักซ์ (Ajax) สำหรับคุณล่ะ ถ้าคุณคิดจะไปเที่ยวเนเธอร์แลนด์ คุณจะนึกถึงอะไรที่น่าสนใจ เป็นจุดเด่น และแรงดึงดูดใจให้คุณเดินทางมาประเทศเล็กๆ แห่งนี้ และอะไรนะเป็นแรงดึงดูดใจให้ประเทศนี้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากหลายๆ ประเทศ
 |
| ดอกทิวลิปหลากหลายสีสันในสวน เคอเคนฮอฟ (Keukenhof) |
ที่ตั้งของประเทศเนเธอร์แลนด์
 |
| ที่ตั้งของประเทศเนเธอร์แลนด์ในทวีปยุโรป |
เนเธอร์แลนด์ตั้งอยู่ที่บริเวณตะวันตกของทวีปยุโรปค่ะ ทิศเหนือจรดทะเลเหนือ(North Sea ภาษาดัชต์คือนอร์ทเซ Noordzee) ทิศใต้จรดประเทศเบลเยียมและเยอรมันนี และทิศตะวันออกจรดประเทศเยอรมันนี ประเทศนี้เป็นประเทศเล็กๆค่ะ เล็กแค่ไหน คุณก็ลองนึกถึงพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ดูนะคะ ประเทศเนเธอร์แลนด์มีพื้นที่ใหญ่ประมาณสองเท่าของจังหวัดเชียงใหม่ค่ะ (พื้นที่ 41,543 ตารางกิโลเมตร) จากเหนือสุดไปยังใต้สุดของประเทศยาวประมาณ 300 กิโลเมตร และจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกกว้างประมาณ 200 กิโลเมตรค่ะ ขับรถยนต์ นั่งรถบัส หรือนั่งรถไฟแป๊บเดียวก็ทั่วแล้วค่ะ จะว่าแป๊บเดียวก็คงไม่ถึงขนาดนั้น เอาเป็นว่าไม่นานเท่ากับเดินทางภายในประเทศไทยละกันค่ะ
เนเธอร์แลนด์มีเมืองหลวงคือ เมืองอัมสเตอร์ดัม(Amsterdam) ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ หลายคนที่มาเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์ก็มักจะมาเที่ยวที่เมืองนี้เป็นส่วนใหญ่ค่ะ แต่สิ่งที่แปลกกว่าประเทศอื่นๆ ก็คือ ที่ทำการรัฐบาลและพระราชวังของกษัตริย์เนเธอร์แลนด์ไม่ได้ตั้งอยู่ที่อัมสเตอร์ดัมค่ะ แต่ตั้งอยู่ที่กรุงเฮก(The Hague) ซึ่งชาวดัชต์เรียกเมืองนี้ว่าเดนฮาก(Den Haag) ประเทศนี้มีประชากรทั้งหมด 17.42 ล้านคน คิดเป็นจำนวนประชากรต่อพื้นที่ประมาณ 419 คนต่อพื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตร (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2020) คิดเปรียบเทียบกับประชากรเมืองไทยค่อนข้างยากค่ะเพราะเราไม่มีข้อมูลล่าสุด แต่เราอยากให้ผู้อ่านเห็นภาพของความแตกต่างนิดนึง ก็เลยลองค้นดูจากข้อมูลปี พ.ศ. 2555(ค.ศ. 2012) มีจำนวนประชากรต่อพื้นที่ในประเทศไทย 127.6 คนต่อพื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตร ก็คงพอจะนึกภาพออกนะคะว่าประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และถึงแม้ว่าประเทศนี้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็มีบทบาทสำคัญในสหภาพยุโรป และในโลกค่ะ เพราะเนเธอร์แลนด์เป็นสมาชิกสำคัญของหลายหน่วยงานซึ่งมีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ
 |
| แผนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ แสดง 12 จังหวัด |
ภูมิอากาศ และฤดูกาลในเนเธอร์แลนด์
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะมาเที่ยวที่นี่ คุณก็คงต้องการที่จะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฤดูกาลและสภาพภูมิอากาศของประเทศนี้ เพื่อคุณจะได้จัดเตรียมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า และกระเป๋าเดินทางของคุณได้อย่างเหมาะสม จากแผนที่ทวีปยุโรปที่เราเอามาโพสต์ในบทความนี้ให้คุณดู คุณก็จะเห็นว่าประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นตั้งอยู่ในเขตอบอุ่น และเนื่องจากประเทศนี้อยู่ติดกับทะเลเหนือ สภาพภูมิอากาศของที่นี่จึงได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นจากมหาสมุทรแอตแลนติก(Atlantic ocean)และทะเลเหนือค่ะ ดังนั้นจึงทำให้มีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก รวมทั้งภูมิอากาศในประเทศจึงไม่ร้อนจัดในฤดูร้อน และไม่หนาวจัดในฤดูหนาว คุณๆ ที่กลัวความหนาวก็คงดีใจกับข้อมูลตรงนี้นะคะ
สำหรับในส่วนของฤดูกาล ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มี 4 ฤดูกาล ดังนี้ค่ะ
ฤดูกาลแรกคือ ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-กลางเดือนมิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 7-20 องศาเซลเซียส เป็นช่วงฤดูกาลที่เราชอบมากที่สุดค่ะ เพราะต้นไม้จะเริ่มผลิดอกออกใบ ผืนหญ้าสีเขียวขจี ดอกไม้ผลิบานสะพรั่งเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็สดชื่นสวยงาม ชาวบ้านชาวเมืองก็ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านดูมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก
ฤดูกาลที่สองคือ ฤดูร้อน ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนกลางเดือนมิถุนายน-กลางเดือนกันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส แต่ในช่วงหลังๆนี่ บางวันก็ร้อนมากๆจนถึง 35 องศาเซลเซียส ร้อนแรงแซงหน้าประเทศไปเลยค่ะ โดยส่วนตัวก็ชอบฤดูกาลนี้เช่นกันค่ะ ออกไปไหนมาไหนไม่ต้องใส่ๆถอดๆเสื้อกันหนาวให้ยุ่งยาก ดอกไม้ก็บานสะพรั่งสวยงาม ต้นไม้ใบไม้เขียวชะอุ่ม มีกิจกรรมเยอะแยะให้เด็กๆทำ หรือจะทำร่วมกับเด็กๆก็ได้ แต่แสงแดดร้อนมากค่ะ ก็ต้องเตรียมครีมกันแดดให้พร้อม
ฤดูกาลที่สามคือ ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเดือนกันยายน-กลางเดือนธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณเดียวกับฤดูใบไม้ผลิ แต่บรรยากาศตรงกันข้ามค่ะ คือ ฝนจะตกบ่อยมาก บางครั้งบางคราวก็ตกหนักมาก มีพายุฝนฟ้าคะนอง ใบไม้ร่วงโรย และท้องฟ้าเริ่มหม่นหมองเป็นสีเทา แต่ความมีเสน่ห์ของฤดูกาลนี้ก็คือ สีสันสวยงามของใบไม้ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีทอง สีแดง สีส้ม สีเหลือง แซมๆกับใบของต้นไม้บางชนิดที่ยังคงมีใบสีเขียวแบบเดิมอยู่ ดูแล้วเหมือนภาพวาดอันสวยงามบนฝาผนังเชียวค่ะ
ฤดูกาลที่สี่คือ ฤดูหนาว ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเดือนธันวาคม-ปลายเดือนมีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 0-3 องศาเซลเซียส ถึงแม้จะมีบางครั้งที่อุณหภูมิอาจจะลดต่ำลงกว่า 0 องศาเซลเซียสบ้าง แต่ก็มักจะกินเวลาไม่นานค่ะ อากาศที่นี่ก็จะหนาวแบบแห้งๆค่ะ ผิวคนไทยแบบเราก็มักแห้งมาก ช่วงเวลากลางคืนก็จะยาวนานมาก อาจจะมีหิมะตกบ้างโดยเฉพาะทางตอนใต้ และทางตะวันออกของประเทศ
กลับมาพูดถึงเรื่องภูมิประเทศของเนเธอร์แลนด์ต่อนะคะ อย่างที่เกริ่นไว้ว่าประเทศนี้มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ทั้งประเทศจะเป็นพื้นที่ราบต่ำทั้งหมดนะคะ เมื่อแบ่งตามโซนพื้นที่ ก็จะพบว่าพื้นที่ทางภาคตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศมีลักษณะเป็นที่ราบต่ำ และบางส่วนเคยเป็นทะเลมาก่อน แต่ในส่วนพื้นที่ทางภาคตะวันออกและทางตอนใต้ของประเทศมีลักษณะเป็นเนินเขาค่ะ ส่วนที่สูงที่สุดของประเทศอยู่ที่เนินเขาฟาลเซอร์เบิร์ค(Vaalserburg) มีความสูง 322 เมตร เราเองแอบเรียกว่าภูเขาแบเบาะ(Baby mountain) เพราะแอบเปรียบเทียบความสูงจากระดับน้ำทะเลกับภูเขาและเทือกเขาต่างๆในประเทศไทย ก็เรียกว่าเทียบกันไม่ติดเลยค่ะ เนินเขาฟาลเซอร์เบิร์คนี้อยู่ในเขตจังหวัดลิมเบิร์ค(Limburg) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีเขตชายแดนของสามดินแดนหรือสามประเทศคือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และเยอรมันนี ซึ่งก็ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแหล่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ค่ะ ที่น่าสนใจในจุดนี้คือ พื้นที่ในส่วนที่เป็นเนินเขาซึ่งอยู่ในเขตทางตอนใต้ และทางตะวันออกของประเทศเนเธอร์แลนด์นี้มีความเก่าแก่มาก และมีการก่อตัวมาก่อนยุคน้ำแข็งเชียวค่ะ
ในบทความนี้เราก็ได้เขียนเล่าเกี่ยวกับประเทศเนเธอร์แลนด์ในยุคปัจจุบันด้าน ที่ตั้งของประเทศ เมืองหลวง ภูมิอากาศ ฤดูกาล และภูมิประเทศไปแล้วนะคะ ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นนึงที่อยากจะเขียนถึง ก็คือเรื่องของความหลากหลายทางด้าน เชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมในประเทศเนเธอร์แลนด์ค่ะ บทความถัดไปเราจะมาเขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับชนชาติต่างๆ ที่เข้ามาตั้งรกรากในประเทศเนเธอร์แลนด์ ภาษาดัซต์ ประเพณี วัฒนธรรมและธรรมเนียมต่างๆ ของชาวเนเธอร์แลนด์ให้อ่านกันนะคะ
ฤดูกาลแรกคือ ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-กลางเดือนมิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 7-20 องศาเซลเซียส เป็นช่วงฤดูกาลที่เราชอบมากที่สุดค่ะ เพราะต้นไม้จะเริ่มผลิดอกออกใบ ผืนหญ้าสีเขียวขจี ดอกไม้ผลิบานสะพรั่งเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็สดชื่นสวยงาม ชาวบ้านชาวเมืองก็ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านดูมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก
ฤดูกาลที่สองคือ ฤดูร้อน ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนกลางเดือนมิถุนายน-กลางเดือนกันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส แต่ในช่วงหลังๆนี่ บางวันก็ร้อนมากๆจนถึง 35 องศาเซลเซียส ร้อนแรงแซงหน้าประเทศไปเลยค่ะ โดยส่วนตัวก็ชอบฤดูกาลนี้เช่นกันค่ะ ออกไปไหนมาไหนไม่ต้องใส่ๆถอดๆเสื้อกันหนาวให้ยุ่งยาก ดอกไม้ก็บานสะพรั่งสวยงาม ต้นไม้ใบไม้เขียวชะอุ่ม มีกิจกรรมเยอะแยะให้เด็กๆทำ หรือจะทำร่วมกับเด็กๆก็ได้ แต่แสงแดดร้อนมากค่ะ ก็ต้องเตรียมครีมกันแดดให้พร้อม
ฤดูกาลที่สามคือ ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเดือนกันยายน-กลางเดือนธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณเดียวกับฤดูใบไม้ผลิ แต่บรรยากาศตรงกันข้ามค่ะ คือ ฝนจะตกบ่อยมาก บางครั้งบางคราวก็ตกหนักมาก มีพายุฝนฟ้าคะนอง ใบไม้ร่วงโรย และท้องฟ้าเริ่มหม่นหมองเป็นสีเทา แต่ความมีเสน่ห์ของฤดูกาลนี้ก็คือ สีสันสวยงามของใบไม้ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีทอง สีแดง สีส้ม สีเหลือง แซมๆกับใบของต้นไม้บางชนิดที่ยังคงมีใบสีเขียวแบบเดิมอยู่ ดูแล้วเหมือนภาพวาดอันสวยงามบนฝาผนังเชียวค่ะ
ฤดูกาลที่สี่คือ ฤดูหนาว ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเดือนธันวาคม-ปลายเดือนมีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 0-3 องศาเซลเซียส ถึงแม้จะมีบางครั้งที่อุณหภูมิอาจจะลดต่ำลงกว่า 0 องศาเซลเซียสบ้าง แต่ก็มักจะกินเวลาไม่นานค่ะ อากาศที่นี่ก็จะหนาวแบบแห้งๆค่ะ ผิวคนไทยแบบเราก็มักแห้งมาก ช่วงเวลากลางคืนก็จะยาวนานมาก อาจจะมีหิมะตกบ้างโดยเฉพาะทางตอนใต้ และทางตะวันออกของประเทศ
 |
| สีสันของ 4 ฤดูกาลในเนเธอร์แลนด์ |
ภูมิประเทศของเนเธอร์แลนด์
เอกลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศเนเธอร์แลนด์ก็คือ ประเทศนี้มีพื้นที่ราบต่ำ โดยพื้นที่ประมาณร้อยละ 26 ของประเทศอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล บางพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 7 เมตรเชียวค่ะ โดยพื้นที่ประมาณครึ่งนึง(ร้อยละ 55)ของประเทศเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม แต่ได้มีการดำเนินการป้องกันโดยการสร้างเนินทราย (คนดัชต์เรียกว่า เดานึน-Duinen) เขื่อนกั้นน้ำ และเขื่อนต่างๆ (คนดัชต์เรียกว่า ไดกึน-Dijken) เพื่อกั้นน้ำทะเลไว้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าชาวเนเธอร์แลนด์มีชื่อเสียงอย่างมากในด้านการจัดการน้ำและการต่อสู้กับภัยธรรมชาติด้านนี้ค่ะ ในระยะหลังๆ มานี้ก็ได้มีนักวิชาการด้านนี้ออกมาพูดตามสื่อต่างๆ ว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการน้ำใหม่ เพราะประเทศเนเธอร์แลนด์เริ่มมีปัญหาภัยแล้งจากภาวะอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นค่ะ ซึ่งในบทความถัดๆไป เราจะกลับมาเขียนถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ให้คุณได้อ่านเพิ่มเติมนะคะ
กลับมาพูดถึงเรื่องภูมิประเทศของเนเธอร์แลนด์ต่อนะคะ อย่างที่เกริ่นไว้ว่าประเทศนี้มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ทั้งประเทศจะเป็นพื้นที่ราบต่ำทั้งหมดนะคะ เมื่อแบ่งตามโซนพื้นที่ ก็จะพบว่าพื้นที่ทางภาคตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศมีลักษณะเป็นที่ราบต่ำ และบางส่วนเคยเป็นทะเลมาก่อน แต่ในส่วนพื้นที่ทางภาคตะวันออกและทางตอนใต้ของประเทศมีลักษณะเป็นเนินเขาค่ะ ส่วนที่สูงที่สุดของประเทศอยู่ที่เนินเขาฟาลเซอร์เบิร์ค(Vaalserburg) มีความสูง 322 เมตร เราเองแอบเรียกว่าภูเขาแบเบาะ(Baby mountain) เพราะแอบเปรียบเทียบความสูงจากระดับน้ำทะเลกับภูเขาและเทือกเขาต่างๆในประเทศไทย ก็เรียกว่าเทียบกันไม่ติดเลยค่ะ เนินเขาฟาลเซอร์เบิร์คนี้อยู่ในเขตจังหวัดลิมเบิร์ค(Limburg) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีเขตชายแดนของสามดินแดนหรือสามประเทศคือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และเยอรมันนี ซึ่งก็ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแหล่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ค่ะ ที่น่าสนใจในจุดนี้คือ พื้นที่ในส่วนที่เป็นเนินเขาซึ่งอยู่ในเขตทางตอนใต้ และทางตะวันออกของประเทศเนเธอร์แลนด์นี้มีความเก่าแก่มาก และมีการก่อตัวมาก่อนยุคน้ำแข็งเชียวค่ะ
ในบทความนี้เราก็ได้เขียนเล่าเกี่ยวกับประเทศเนเธอร์แลนด์ในยุคปัจจุบันด้าน ที่ตั้งของประเทศ เมืองหลวง ภูมิอากาศ ฤดูกาล และภูมิประเทศไปแล้วนะคะ ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นนึงที่อยากจะเขียนถึง ก็คือเรื่องของความหลากหลายทางด้าน เชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมในประเทศเนเธอร์แลนด์ค่ะ บทความถัดไปเราจะมาเขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับชนชาติต่างๆ ที่เข้ามาตั้งรกรากในประเทศเนเธอร์แลนด์ ภาษาดัซต์ ประเพณี วัฒนธรรมและธรรมเนียมต่างๆ ของชาวเนเธอร์แลนด์ให้อ่านกันนะคะ
ความคิดเห็น