รู้จักกับประเทศเนเธอร์แลนด์ (The Netherlands) : เรียนรู้เกี่ยวกับคนดัซต์ก่อนเที่ยว

เมื่อคิดถึงคนดัซต์ คนไทยหลายคนอาจนึกถึงหนุ่มสาวผมบลอนด์ตาสีฟ้าและตัวสูงๆ คนไทยบางคนบอกว่าคนดัซต์เป็นคนประหยัด อัธยาศัยดี ค้าขายเก่ง มีหัวการค้า แล้วคุณล่ะคะ ในความคิดเห็นของคุณ คนเชื้อชาติดัซต์นี่จริงๆ แล้วนิสัยใจคอและรูปร่าง หน้าตาเป็นยังไงกันนะ

ทุ่งทิวลิปในช่วงฤดูใบไม้ผลิในเนเธอร์แลนด์

ในบทความนี้เราจะมาเขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับเชื้อชาติและชนชาติเนเธอร์แลนด์ให้ได้อ่านกันค่ะ การก่อตัวจนเป็นเชื้อชาติ และชนชาติเนเธอร์แลนด์นั้นเกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย แต่ช่วงที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งก็คือช่วงการขยายอำนาจของจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire)ในช่วงประมาณ ค.ศ. 285 ในช่วงนั้นมีกลุ่มชนชาติเยอรมัน (Germanic) 3 ชนเผ่า อยู่อาศัยในพื้นที่นี้ ได้แก่ พวกฟรีเซียน (Frisian) ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ทางเหนือและทางตะวันตก พวกแฟรงก์ (Frank) เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตอนใต้ และพวกแซกซอน (Saxon) เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตะวันออก ในบรรดาสามกลุ่มชนเผ่านี้ กลุ่มชนที่พัฒนาจนโดดเด่นและกล้าแกร่งที่สุด จนมีอำนาจปกครองเหนือพวกฟรีเซียน และพวกแซกซอนก็คือพวกแฟรงก์ค่ะ และพวกแฟรงก์นี้เองที่มีกำลังคนในการรบ มีความสามารถในการติดต่อค้าขาย การปกครองและการสร้างบ้านสร้างเมือง จนมีอำนาจปกครองเหนือกลุ่มชนอื่นๆ การก่อตัวของชนชาติเยอรมันเหล่านี้บวกกับอิทธิพลจากชนชาตินอร์ดิก (Nordic) ซึ่งเป็นพวกยุโรปเหนือ ซึ่งในปัจจุบันได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก สวีเดน ฟินแลนด์ และนอร์เวย์ (Denmark, Sweden, Finland, Norway) ทำให้คุณพบเห็นคนดัซต์จำนวนมากมีผมบลอนด์ และนัยน์ตาสีฟ้า โดยเฉพาะคนดัซต์ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจะมีลักษณะนี้เด่นชัดกว่าคนดัซต์ทางตอนใต้

หนุ่มน้อยผมบลอนด์และนัยน์ตาสีฟ้า ซึ่งพบมากในคนดัซต์

แต่ในปัจจุบันคุณจะพบว่าคนดัซต์จำนวนไม่น้อยที่มีส่วนผสมของเชื้อชาติต่างๆมากมายค่ะ ซึ่งลูกสาวสุดสวยของเราก็เป็นส่วนผสมระหว่างเชื้อชาติไทยและดัซต์ และกลายเป็นชาวดัซต์รุ่นใหม่ที่มีผมและนัยน์ตาเป็นสีดำน้ำตาล แทนที่จะมีผมบลอนด์นัยน์ตาสีฟ้า

คุณเชื่อมั้ยคะว่า จากข้อมูลประชากรล่าสุด มีประชากรเกือบ 1 ใน 4 ของประเทศ (ร้อยละ 24.4) อพยพมาจากประเทศอื่น หรือมีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งอพยพมาจากประเทศอื่น ซึ่งกลุ่มคนที่อพยพโยกย้ายเข้ามาในประเทศเนเธอร์แลนด์มากที่สุด คือ กลุ่มคนจากประเทศตุรกี (Turkey) โมร็อกโก (Morokko) และสุรินาม (Suriname) ตามลำดับ และที่เหลือมาจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย (Indonesia) เยอรมันนี (Germany) โปแลนด์ (Poland) อิตาลี (Italy) สเปน (Spain) และกรีก (Greece) เป็นต้น ส่วนคนที่ย้ายถิ่นฐานมาจากทวีปเอเชียนอกเหนือจากประเทศอินโดนีเซียแล้ว ส่วนมากมาจากประเทศจีนและเวียดนาม ที่อพยพลี้ภัยมาด้วยเหตุผลทางการเมือง และจากสงครามกลางเมืองในประเทศ ส่วนคนไทยอย่างเราก็มีบ้างค่ะที่ย้ายมาเพราะแต่งงานกับคนดัซต์ ซึ่งก็ถือว่ามีจำนวนไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศดังกล่าวข้างต้น


การอพยพและย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศเนเธอร์แลนด์มี 2 สาเหตุหลัก ๆ สาเหตุแรก เกิดจากกลุ่มคนที่ย้ายมาจากประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นของเนเธอร์แลนด์ในยุคอาณานิคมได้แก่ กลุ่มคนจากประเทศสุรินาม ประเทศในหมู่เกาะคาริเบียน (Curacoa, Aruba, Netherlands Antilles) และประเทศอินโดนีเซีย และสาเหตุที่สอง เกิดจากกลุ่มคนที่อพยพเคลื่อนย้ายเข้ามาเพื่อมาทำงานในภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประมาณปี ค.ศ. 1960 ในช่วงดังกล่าวประเทศเนเธอร์แลนด์มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีด้านต่างๆ ประเทศมีการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงมีความต้องการแรงงานจำนวนมากจนทำให้แรงงานในประเทศไม่เพียงพอ คนกลุ่มนี้ย้ายเข้ามาเพื่อมีจุดมุ่งหมายในการมาทำงานหารายได้ในประเทศเนเธอร์แลนด์เท่านั้น แต่ในที่สุดก็เข้ามาตั้งรกรากอยู่ในเนเธอร์แลนด์จนถึงทุกวันนี้ คนกลุ่มที่สองนี้ ได้แก่ กลุ่มคนจากประเทศตุรกี โมร็อกโก อิตาลี สเปน กรีก และช่วงสิบปีหลังนี้ หลายประเทศจากทวีปยุโรปตะวันออก ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (European Union) ซึ่งมีนโยบายการเปิดเสรีชายแดน ด้านการเดินทาง การค้าขาย และการประกอบอาชีพภายในกลุ่มประเทศสมาชิก จึงทำให้มีคนจากประเทศยุโรปตะวันออกจำนวนมากย้ายเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในประเทศเนเธอร์แลนด์เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มคนจากประเทศโปแลนด์

ชาวสุรินามในประเทศเนเธอร์แลนด์ ในชุดแต่งกายประจำชาติสุรินาม

ชาวตุรกีที่เข้ามาอยู่อาศัยและตั้งรกรากในประเทศเนเธอร์แลนด์

เมื่อคุณไปเที่ยวตามเมืองใหญ่ ๆ เช่น อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) ร็อตเตอร์ดัม (Rotterdam) กรุงเฮก (The Hague) และอูเทรคท์ (Utrecht) คุณมักจะพบเจอคนที่มีรูปร่าง หน้าตา สีผิว สีผม แตกต่างหลากหลายมากกว่าตามชานเมือง บางเมืองก็จะมีโซนของกลุ่มคนที่ย้ายมาจากหลากหลายประเทศ เช่นโซนอัมสเตอร์ดัมตะวันออก (ภาษาดัซต์เรียกว่า อัมสเตอร์ดัมโอสต์-Amsterdam-Oost) ที่นี่จะมีร้านค้าและร้านอาหารที่มีบรรยากาศความผสมผสานของหลายประเทศ จนมีชื่อเฉพาะเรียกละแวกนั้นว่า ย่านอินดิสช์ ( ภาษาดัซต์ เรียกว่า อินดิสเชอะเบือร์ต-Indische buurt) ในเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองก็มีย่านเอเชียเช่นกันค่ะ แต่มักจะถูกเรียกว่าไชน่าทาวน์ ทั้งๆที่ย่านนี้ไม่ได้มีแค่ร้านค้าและร้านอาหารจีนเท่านั้น แต่มักจะมีร้านค้าและร้านอาหารไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซียอยู่ด้วย

ร้านเล็ก ๆ ชื่อ "EFE" ในอัมสเตอร์ดัม จำหน่ายสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น จากตุรกี 

ด้วยความที่เนเธอร์แลนด์เคยผ่านยุคของการเป็นมหาอำนาจทางด้านการค้าของโลก และการเป็นมหาอำนาจอาณานิคม จึงต้อนรับและเปิดโอกาส ให้ชาวต่างชาติ รวมถึงนักปราชญ์และปัญญาชนจากหลากหลายประเทศทั่วทุกมุมโลกให้โยกย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศนี้เป็นศูนย์รวมของความหลากหลายเชื้อชาติ ประเพณี วัฒนธรรม คนดัชต์จึงสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพสังคมอันหลากหลายได้โดยง่าย ทุกวันนี้จึงจัดได้ว่าประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่มีสีสัน และมีเสรีภาพมากที่สุดของโลก

ลักษณะนิสัยของคนดัซต์


ถึงแม้ดูเหมือนว่าชาติเนเธอร์แลนด์จะมีความใจกว้าง และมีความยืดหยุ่นในการยอมรับความหลากหลายของผู้คนที่มีพื้นฐาน และรากเหง้าทางประเพณี วัฒนธรรมแตกต่างกัน แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะง่ายดาย เรียบร้อยหมดจด สวยงามนะคะ เพราะสิทธิเสรีภาพ ก็มีกรอบ กฎเกณฑ์และขอบเขตที่เข้มงวดเช่นกันค่ะ การกำหนดใข้กฏหมายของประเทศนี้ถือว่าเข้มงวดและจริงจังอย่างมากเชียวค่ะ

เมื่อคุณมาเที่ยวที่นี่ก็ระมัดระวังเกี่ยวกับกฎหมาย และข้อห้ามต่างๆ ให้ดีหน่อยนะคะ อ่านข้อมูลและป้ายเตือนที่เขาติดตั้งไว้ให้ดี เพราะค่าปรับของที่นี่ค่อนข้างแพงค่ะ เช่น ห้ามถ่ายรูปในบางสถานที่ ป้ายห้ามเข้า รวมถึงการทำตามกฏจราจรต่างๆ อย่างเคร่งครัดด้วยค่ะ โดยส่วนตัวยังไม่เคยถูกปรับมาก่อน แต่สามีถูกปรับจากการขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดโดยไม่ได้ตั้งใจมาแล้วค่ะ (กำหนดให้ขับรถไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เธอขับ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะมองไม่เห็นป้ายกำหนดความเร็ว) และอีกตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก็คือเรื่องกฏและข้อห้ามในช่วงของการควบคุมโรคระบาดจากไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 นี้ค่ะ รัฐบาลมีกฏ ซึ่งกำหนดไว้ว่า คนที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกันให้เว้นระยะห่าง 1.5 เมตร และไม่อนุญาตให้นัดหมายกันกับบุคคลนอกครัวเรือนเกินกว่าสองคน เขาก็ปรับจริง และปรับแรงค่ะ ค่าปรับ 399 ยูโร ต่อคน คิดคำนวณเป็นเงินไทยก็ประมาณ 14,000 บาทค่ะ

ลักษณะนิสัยสำคัญหนึ่งของคนดัซต์ที่เราชอบก็คือ คนดัซต์ส่วนใหญ่เป็นคนรักธรรมขาติ เรียบง่าย และเป็นคนที่ชื่นชมกับสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัวค่ะ คุณอาจจะไม่เชื่อว่า พื้นที่ป่าและแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีในประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น เป็นป่าและแหล่งน้ำที่คนดัซต์พยายามสร้างขึ้นมาเกือบทั้งหมดค่ะ เมื่อคุณมาเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์คุณก็จะเห็นทุ่งหญ้า สวนสาธารณะ ป่าผืนเล็กผืนใหญ่แทรกอยู่ทั่วไป รวมทั้งมีการสร้างแหล่งน้ำมากมายเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของเป็ด ห่าน หงส์ และนกชนิดต่างๆเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะตามชนบทหรือในเมือง เราเองก็เป็นหนึ่งที่ชอบเดินป่าอย่างมากค่ะ เมื่อมีโอกาสก็จะเขียนเรื่องของการท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติในเนเธอร์แลนด์อีกทีนะคะ

ทิวทัศน์ขณะเดินป่าใกล้บ้านที่จังหวัดนอร์ดฮอลแลนด์ (Noord Holland) ประเทศเนเธอร์แลนด์

อีกเรื่องนึงที่อยากจะกล่าวถึง และเป็นกระแสปัจจุบันนี้ก็คือ เรื่องของการเหยียดเชื้อชาติและสีผิว เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมากค่ะ จึงไม่ขอลงลึกนะคะ เอาเป็นว่าเราคนไทยที่มาเที่ยวที่นี่มักจะไม่เจอปัญหานี้ค่ะ ส่วนมากคนดัซต์จะมีทัศนคติที่ดีกับคนเอเชีย และมักจะให้ความช่วยเหลือเมื่อเรามีปัญหาด้วยซ้ำ เพื่อนสนิทของเราที่เคยมาเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์ ก็มักจะมีเรื่องประทับใจในความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนดัซต์มาเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ

บทความนี้เราก็ได้รู้ลักษณะของคนดัซต์ โดยได้บอกเล่าถึงเรื่องเชื้อชาติ และชนชาติเนเธอร์แลนด์คร่าวๆ ไปแล้วนะคะ บทความถัดไปเราจะมาเขียนถึงเรื่องของภาษาดัซต์ให้ได้อ่านกันต่อไปค่ะ

ที่มา

Jan Willen Bultje. 2005: 27-31. Op bezoek in Nederland. KIT Publisher.

ความคิดเห็น

Unknown กล่าวว่า
ได้รับความรู้ เปิดประสบการณ์
ขอบคุณมากๆนะคะ
Orapin กล่าวว่า
ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาอ่าน